การสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดเป็นความฝันของใครหลายคนที่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง นอกจากผลิตภัณฑ์ต้องมีคุณภาพแล้ว ยังมีปัจจัยอีกหลายประการที่เจ้าของธุรกิจควรคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นราคา การตลาด กลุ่มลูกค้าหรือโปรโมชั่น รวมไปถึงการออกแบบโลโก้ให้เป็นที่น่าจดจำ
แน่นอนว่า การออกแบบโลโก้ เป็นอีกองค์ประกอบที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้ หากโลโก้มีรูปร่างและสีสันที่โดดเด่น หรือสามารถสื่อความหมายออกมาได้ตามจุดประสงค์ แบรนด์ของคุณก็มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
หากดวงตา คือ หน้าต่างของหัวใจ โลโก้ก็คือสิ่งที่ทำให้คนเข้าถึงตัวตนและจดจำได้โดยง่าย การออกแบบโลโก้ทำได้หลายรูปแบบ จำแนกออกได้เป็น 7 ประเภทคร่าว ๆ ดังนี้
1. Lettermark (หรือ Monogram)
เป็นการใช้ชื่อย่อของแบรนด์ เหมาะสำหรับแบรนด์ที่มีชื่อยาว เช่น NASA, HBO หรือ IBM เป็นต้น วังในการใช้โลโก้ คุณต้องแน่ใจว่าอักษรย่อจะไม่ซ้ำกับแบรนด์อื่น และควรมีการเน้นสีหรือลายเส้นเพิ่มเติมเพื่อทำให้โลโก้ดูโดดเด่นน่าจดจำมากขึ้น
2. Wordmark (หรือ Logotype)
ลักษณะคล้ายกับประเภทแรกตรงที่เป็นการออกแบบโลโก้ โดยใช้ตัวอักษร แต่ที่ต่างกัน คือ โลโก้ประเภทนี้ใช้ชื่อเต็มของแบรนด์มาทำให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
อย่างแบรนด์ Google, VISA, COCA-COLA หรือ FACEBOOK เป็นตัวอย่างคลาสสิกที่เห็นได้ชัดในกรณีดังกล่าว หากกำลังสร้างแบรนด์เพื่อให้คนรู้จัก โลโก้ประเภทนี้ถือเป็นอีกหนึ่งที่ช่วยให้คนจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น
3. Pictorial Mark (หรือ Logo Symbol)
โลโก้ประเภทนี้เป็นการใช้รูปภาพเดี่ยว ๆ โดยไม่มีตัวอักษรหรือคำใด ๆ ตัวอย่างของโลโก้ประเภทนี้ที่คุณเห็นแล้วต้องร้องอ๋อ คือ Apple ที่ใช้รูปเงาของผลแอปเปิ้ลแหว่ง หรือ Twitter ที่ใช้นกสีฟ้า หากใช้โลโก้ประเภทนี้ในช่วงสร้างแบรนด์ใหม่ ๆ ต้องแน่ใจว่าภาพที่นำมาสามารถสื่อสารถึงตัวแบรนด์ได้ เพราะลูกค้าอาจไม่รู้ว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอะไร
4. Abstract Logo Mark
โลโก้ประเภทนี้ใช้รูปภาพเป็นหลักซึ่งเกิดจากการออกแบบด้วยรูปทรงต่าง ๆ จนเป็นกลายเป็นสัญลักษณ์หรือรูปทรงใหม่เชิงนามธรรม มีตัวอักษรหรือคำใด ๆ กำกับไว้หรือไม่ก็ได้ ด้วยคุณลักษณะดังกล่าวทำให้มีอิสระในการกำหนดลายเส้น รูปทรงและการออกแบบโลโก้ได้หลากหลาย และสามารถกำหนดความหมายและทิศทางของแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างของโลโก้ประเภทนี้ คือ BP, Pepsi, Adidas, หรือ Nike
5. Mascot
เด็ก ๆ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ชอบการ์ตูนด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่บางแบรนด์นำโลโก้ที่เป็นรูปการ์ตูน มาสคอตหรือผู้ก่อตั้งบริษัทมาเป็นโลโก้เพื่อให้คนจดจำกันได้ง่ายขึ้น เช่น KFC ที่ใช้ผู้พันแซนเดอร์ มิชลินที่ใช้หุ่นยางรถยนต์ยืนยิ้ม เป็นต้น ตัวการ์ตูนเหล่านี้เหมาะกับธุรกิจที่มีเด็กหรือครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและเป็นกันเอง
6. Combination Mark
โลโก้ประเภทนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างการใช้ตัวอักษรและการใช้หรือรูปภาพ ด้วยวิธีการที่หลากหลายในการสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีสันสดใส การวางตำแหน่งตัวอักษร การใช้รูปทรงและการจัดองค์ประกอบ ทำให้ง่ายต่อการสื่อสารแบรนด์และเริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ เพราะคนสามารถจดจำทั้งชื่อและภาพได้เมื่อแรกเห็น ไม่ว่าจะเป็น Burger King และ LACOSTE เป็นต้น
7. The emblem
โลโก้ตราสัญลักษณ์ซึ่งมีหลายองค์ประกอบในภาพเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง อักษร โล่ ตรา สโลแกนหรือรูปภาพต่าง ๆ เมื่อนำมาประกอบกันโลโก้จึงมีความคลาสสิก ลงตัวแต่แสดงออกถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับแบรนด์ที่เน้นความดูดีไม่ว่าจะเป็น Starbucks ที่ใช้รูปนางเงือกและตัวอักษร หรือตรามหาวิทยาลัย อย่าง ออกซ์ฟอร์ดหรือฮาร์วาร์ด ที่ใช้ภาษาลาตินบนโลโก้ เป็นต้น
เห็นได้ว่าโลโก้แต่ละรูปแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การออกแบบโลโก้ที่สามารถสื่อสารตัวตนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งช่วยคุณสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในตลาดได้นั่นเอง
อ้างอิง : startupnow.in.th
We’d love to hear from you, please get in touch.
Pingback: 3 ช่องทางการตลาดออนไลน์ ที่นักการตลาดควรรู้ - huakaticreative
Pingback: 5 วิธีการสร้างแบรนด์ Brand CI ที่ดี - huakaticreative
Pingback: Rebranding ทำไมจึงสำคัญ จำเป็นแค่ไหนที่ธุรกิจต้องรีแบรนด์? - huakaticreative